วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ไปเที่ยวจังหวัดปทุมธานี

    ไปเที่ยวปทุมธานี

   กินข้าวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตลาดปทุมธานี




วัดเจดีย์หอย,ปทุมธานี    
       ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อเงิน อำเภอลาดหลุมแก้ว ใช้ทางหลวงหมายเลข 346 (ปทุมธานี-บางเลน) ถึงหลักกม.ที่ 21-22 แล้วแยกเข้าวัดไปอีก 10 กม. วัดนี้เป็นแหล่งเก่าแก่ของหอยนางรมยักษ์ มีอายุกว่า 1,000 ปี มีเจดีย์ที่ก่อสร้างขึ้นจากการนำเอาหอยนางรมมาสร้างเป็นรูปเจดีย์ จึงเรียกว่า "เจดีย์หอย" มีอยู่ด้วยกัน 2 องค์ องค์แรกอยู่ปากทางเข้าวัด องค์ที่สองอยู่ในบริเวณวัด ในบริเวณวัดมีบึงน้ำขนาดใหญ่มีปลาสวายที่ทางวัดเลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก และบ่อเต่าอยู่ข้างๆบึง นักท่องเที่ยวสามารถซื้ออาหารเลี้ยงปลาและเต่าได้



 
ให้อาหารปลา วัดหงษ์ปทุมาวาส ปทุมธานี 
          วัดหงษ์ปทุมาวาส อยู่ห่างจากจวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประมาณ 50 เมตร บริเวณทางเข้าวัดสองข้างทาง มีร้านค้าและร้านขายขนม เช่น ขนมเครปการ์ตูน ขนมครก ไอศกรีมทอด ลูกโป่ง สาคู ข้าวโพดต้ม มะขามเทศ ทอดมัน ลูกชิ้น วุ้น นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาในบริเวณที่จัดไว้อย่างปลอดภัยเป็นแนวยาวริม แม่น้ำ หรือจะทำสังฆทาน ทางวัดก็มีบริการถังสังฆทานใหม่ไว้ให้ อิ่มบุญ


 

ซูชิดอกไม้

ซูชิดอกไม้
 


ซูชิดอกไม้
เห็น วัฒนธรรมการกินข้าวห่อสาหร่ายแล้ว ขอดัดแปลงนำแผ่นก๋วยเตี๋ยวห่อไส้ แล้วตัดพอคำ น่ากิน ไม่แพ้ซูชิ แต่เก๋กว่ามากมาย เพราะเราจะห่อดอกไม้สดไว้ในไส้นั้นด้วย นอกจากดอกไม้ เราจะเพิ่มเติมไส้ด้วยเนื้อชนิดต่างๆ หรือผักอื่นๆ เท่าที่เราต้องการหรือตามฤดูกาล ห่อกันทีไร ก็กินกันได้อร่อยทีนั้น สวยทั้งก่อนห่อ และหลังห่อ สวยทั้งคนทำ และคนกิน

เครื่องปรุง
- แผ่นก๋วยเตี๋ยว ที่ยังไม่ตัดทำเส้นใหญ่ หาซื้อได้ในตลาดสดทุกแห่ง
- หมูยอหรือไก่ยอ เต้าหู้แผ่น ตัดเป็นเส้นยาวๆ
- แครอท แตงกวา ฝานเป็นเส้นยาวเช่นกัน
- ดอกไม้สด เช่น ดอกอัญชัน ดอกขจร ดอกโสน ดอกเข็ม ดอกคูน เป็นต้น
- ผักหอม เช่น ต้นหอม ผักชี คื่นฉ่าย ผักชีฝรั่ง
- เห็ดเข็มทอง
- น้ำจิ้ม เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบ๊วย ซอสพริก ตามสะดวก

วิธีทำ

- เตรียมจานเปลแบน หรือเขียง สำหรับวางแผ่นก๋วยเตี๋ยว
- จัดเรียงผักหอม หมูยอเส้น เต้าหู้เส้น เห็ดเข็มทอง แครอทและแตงกวาเส้น
- โรยกลีบดอกไม้และดอกไม้ต่างๆ
- จับปลายแผ่นก๋วยเตี๋ยวตลบห่อไส้ แล้วค่อยๆม้วน ม้วนให้แน่น
- พอถึงระยะกลางแผ่น เติมกลีบดอกไม้ประปรายบนแผ่นก๋วยเตี๋ยว
- ตัดก๋วยเตี๋ยวห่อไส้เป็นคำสั้นๆ พอดีเคี้ยว ยกตั้ง ใส่จาน จะดูสวยงาม



ขอบคุณข้อมูลจาก : www.108health.com

แซนวิชทูน่า

แซนวิชทูน่า
 


แซนวิชทูน่า
ส่วนผสม
ทูน่ากระป๋องในน้ำแร่2 ช้อนโต๊ะ
ขนมปังโฮลวีต 
มายองเนส2 ช้อนโต๊ะ
แครอทสับค่อนข้างละเอียด2 ช้อนชา
ก้านขึ้นฉ่ายสับค่อนข้างละเอียด2 ช้อนชา
หอมหัวใหญ่หั่นแว่น 
มะเขือเทศหั่นแว่น 
ผักกาดหอม 

วิธีทำ

1. ผสมทูน่ากับมายองเนส แล้วยีเนื้อทูน่าให้เข้ากับมายองเนส ถ้าชอบทานชิ้นทูน่าไม่ต้องยีมาก แค่พอให้เข้ากัน
2. ใส่แครอทสับและก้านขึ้นฉ่าย คนให้เข้ากันอีกที (ใช้กะหล่ำปลีแทนก้านขึ้นฉ่ายก็ได้ค่ะ
3. ขนมปังใช้พิมพ์ตัดเป็นรูปต่างๆ หรือจะหั่นครึ่งเป็นสามเหลี่ยมก็ได้ ขั้นตอนนี้สามารถให้เด็กๆช่วยทำได้ค่ะ
4. ขั้นตอนประกบแซนวิช วางผักกาดหอมลงบนชิ้นขนมปังที่เตรียมไว้ตามด้วยหอมหัวใหญ่และมะเขือเทศ จากนั้นนำสเปรดที่เราทำไว้ทาลงไป ปริมาณตามชอบ แล้ววางขนมปังประกบ
หมายเหตุหากให้เด็กๆทาน อาจจะต้องนำหอมหัวใหญ่ไปลวกหรือนึ่งเสียก่อน เพื่อดับกลิ่นฉุนและความเผ็ด หอมหัวใหญ่เมื่อสุกจะมีรสหวาน



ข้อมูลจากhttp://www.horapa.com/

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บัตรทองดีกว่าประกันสังคม

เผยผลการศึกษาพบบัตรทองดีกว่าประกันสังคม สธ.1 ก.พ.- นักวิชาการเผยผลศึกษาสิทธิประโยชน์ พบบัตรทองดีกว่าประกันสังคมเกือบทุกด้าน ระบุกว่า 10 โรค ที่บัตรทองคุ้มครองมากกว่า ขณะที่ 15 รายการ ประกันสังคมไม่มีการบริหารจัดการเฉพาะ ทำผู้ประกันตนเข้าไม่ถึงการรักษา เพราะเหมาจ่ายรายหัว เป็นที่มา "พารารักษาทุกโรค"  จี้ผู้เกี่ยวข้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ

นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษาเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ระหว่างระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง และระบบประกันสังคม ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนงบประมาณในการทำวิจัย ตั้งแต่ วันที่ 15 พ.ย. 2553 พบว่า ณ วันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา สิทธิประโยชน์ของทั้ง 2 ระบบ มีความแตกต่างใน 3 กลุ่ม คือ ขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครอง, สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน และ สิทธิประโยชน์ที่เหมือนกันแต่บริหารจัดการแตกต่างกัน  โดยขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครองนั้น บัตรทองไม่ต้องมีการจ่ายสมทบ และได้รับการคุ้มครองทันที ขณะที่ประกันสังคมต้องจ่ายสมทบในระยะเวลาที่กำหนดจึงจะได้รับการคุ้มครอง และหากขาดการจ่ายเงินสมทบเกิน 3 เดือน สิทธินั้นเป็นอันสิ้นสุด

นพ.พงศธร กล่าวอีกว่า ส่วนสิทธิประโยชน์ที่ทั้งสองระบบมีความแตกต่างกันมีทั้งสิ้น 12 สิทธิประโยชน์ โดยบัตรทองมีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมมากกว่า 10 สิทธิประโยชน์  เช่น  ผู้ประกันตนเป็นกลุ่มเดียวที่ห้ามป่วยฉุกเฉินเกินกว่า 2 ครั้งต่อปี ห้ามป่วยด้วยโรคเดียวกันที่ต้องรักษาใน รพ.หรือผู้ป่วยใน ติดต่อกันเกินกว่า 180 วันต่อ 1 ปี ไม่คุ้มครองโรค หรือประสบอันตรายอันเนื่องจากการใช้สารเสพติด ไม่คุ้มครองการทำร้ายตัวเอง หรือพยายามฆ่าตัวตาย ไม่คุ้มครองไตวายเฉียบพลันที่มีระยะเวลาการรักษาเกิน 60 วัน ไม่คุ้มครองการปลูกถ่ายไต หากผู้ประกันตนป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังก่อนเข้าเป็นผู้ประกันตน ไม่มีบริการรักษาตัวแบบพักฟื้นและบริการหลังผู้ป่วยกลับบ้าน ไม่มีการฟื้นฟูสมรรถภาพทางด้านการแพทย์หลังสิ้นสุดการรักษา ไม่มีระบบการช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการและผู้ให้บริการที่ได้รับ ความเสียหายจากการรับบริการและให้บริการ ไม่มีการให้ยาต้านไวรัสโรคเอดส์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังสัมผัส เช่น ถูกข่มขืน ติดเชื้อระหว่างการปฏิบัติงาน มีเพียงการทำรากฟันเทียม ที่ระบบประกันสังคมมีสิทธิประโยชน์มากกว่า และเพิ่งจะบรรจุในสิทธิประโยชน์ วันที่ 1 มกราคม 2554

นพ.พงศธร กล่าวว่า สำหรับสิทธิประโยชน์ที่เหมือนกันแต่บริหารจัดการแตกต่างกัน จำนวน 25 รายการ ในจำนวนนี้มี 10 รายการ ที่ทั้งสองระบบมีระบบบริหารจัดการเฉพาะ แต่แตกต่างกันในรายละเอียด และสิทธิประโยชน์ 15 รายการ  ที่ระบบประกันสังคมไม่มีการบริหารจัดการเฉพาะ แต่บัตรทองมี เช่น  การผ่าตัดต้อกระจก โรคที่เกี่ยวกับการอุดตันของหลอดเลือดในสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันชนิดที่มีการยกขึ้นของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ส่วน ST การรักษาผู้ป่วยโรคหืด โรควัณโรค โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง  ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัว  ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ประกันตนจึงเรียกประกันสังคมว่าพารารักษาทุก โรค เพราะรพ.พยายามประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด เนื่องจากถูกรวมอยู่ในงบเหมาจ่ายรายหัวอยู่แล้ว ต่างจากบัตรทองใช้วิธีจ่ายเงินให้หน่วยบริการตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึงบริการมากที่สุด

นพ.พงศธร กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ยังรวมถึงยาที่มีปัญหาในการเข้าถึงอีก 15 รายการ ที่บัตรทองมีการบริหารจัดการยาราคาสูง โดยจัดระบบอนุมัติการใช้ยาและจ่ายยาแยกจากเงินเหมาจ่ายรายหัว เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการด้านยาของผู้ป่วย ขณะที่ประกันสังคมเหมารวมค่ายาอยู่ในค่าเหมาจ่ายรายหัว ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงยาราคาแพงได้ มี 1 รายการ ที่ระบบประกันสังคมมีระบบบริหารจัดการเฉพาะ แต่ระบบหลักประกันสุขภาพไม่มี แต่ใช้วิธีจ่ายเงินให้หน่วยบริการตามกลุ่มวินิจฉัยโรคร่วม (DRG) คือ ผ่าตัดสมอง

"โดยรวมแล้วระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า ทั้งขอบเขตและเงื่อนไขการคุ้มครองที่สะดวกต่อผู้รับบริการมากกว่า มีสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า และมีการบริหารจัดการเฉพาะเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการบริการที่มีคุณภาพ ได้ดีกว่า ประเทศไทยมีระบบประกันสังคมกว่า 20 ปี ขณะที่มีบัตรทอง 8 ปี ทั้ง 2 สองระบบ มีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน โดยที่ฝ่ายนโยบายของสำนักงานประกันสังคมก็ตระหนักดีถึงความแตกต่างกันนี้  เป้าหมายของการศึกษาในครั้งนี้  ไม่ได้ใช้การเปรียบเทียบว่าระบบใดเด่นกว่า หรือด้อยกว่า แต่ต้องการสื่อสารให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตระหนักถึงความไม่เป็นธรรมและ ความเหลื่อมล้ำที่ผู้ประกันตนถูกทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้  ทั้งที่เป็นคนกลุ่มเดียวในประเทศไทยที่ต้องจ่ายสมทบค่ารักษาพยาบาล และคาดหวังว่าจะนำไปสู่การพัฒนาหารูปแบบที่เหมาะสมของสวัสดิการรักษาพยาบาล ในระบบประกันสังคมในอนาคต" นพ.พงศธร กล่าว.- สำนักข่าวไทย
 



ที่มา : สำนักข่าวไทย MCOT

10 อันดับคนอัจฉริยะที่สุดของโลก

10 อันดับคนอัจฉริยะที่สุดของโลก
 


10. Elaina Smith : ผู้ให้คำปรึกษาปัญหาชีวิตอายุ 7 ขวบ
สถานี วิทยุท้องถิ่นได้เสนองานให้คำ ปรึกษาปัญหาชีวิตกับหนูน้อย Elaina  เมื่อเธอโทร. เข้ามาให้คำแนะนำกับหญิงสาวคนหนึ่งที่โทร. มาปรึกษาสถานีเรื่องที่เธอถูกแฟนทิ้ง  คำแนะนำง่าย ๆ ของ Elaina คือการบอกให้หญิงสาวผู้นั้นออกไปโยนโบว์ลิ่งกับเพื่อนและก็ดื่มนมสักแก้วนึง โต ๆ และนั่นทำให้เธอได้เวลาจัดรายการแก้ปัญหาชีวิตรายสัปดาห์จากสถานีจนได้รับ ความนิยมจากผู้ฟังนับพัน  เธอรับปรึกษาตั้งแต่ปัญหาเรื่องจะทิ้งแฟนอย่างไร จะทำยังไงเมื่อเลิกกับแฟน ไปจนกระทั่งปัญหากลิ่นตัวของพี่น้องในบ้าน

ครั้ง หนึ่งได้มีคนฟังโทรศัพท์มาถาม Elaina ว่าทำยังไงเธอถึงจะได้แฟนของเธอกลับมา หนูน้อยบอกไปว่า ” ผู้ชายคนนั้นไม่มีค่าพอที่จะคร่ำครวญถึง ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะไปเศร้าโศกถึงผู้ชายแค่คนเดียว”



9. Willie Mosconi: เริ่มชีวิตนักบิลเลียดอาชีพเมื่ออายุเพียง 6 ขวบ

William  Joseph  Mosconi หรือเจ้าของฉายา “Mr. Pocket Billiards”  (pocket billiard = พูล) หนูน้อยจาก  Philadelphia, Pennsylvania มีบิดาเป็นเจ้าของโต๊ะพูลแต่กลับไม่ยอมให้เขาเล่นพูล แต่ Willie ก็ไม่ยอมแพ้โดยเลี่ยงไปฝึกฝนด้วยหัวมันฝรั่งกับด้ามไม้กวาดเก่า ๆ ในครัวของแม่  ไม่นานนักพ่อของเขาก็ได้เห็นความเป็นอัจริยะ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันท้าประลองเกิดขึ้น และ Willie ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีอายุและประสบการณ์เหนือกว่าตนเองมากมายได้ ทั้ง ๆ ที่เขายัง ต้องยืนบนกล่องต่อขาเพื่อให้สูงถึงโต๊ะจนเล่นได้ก็ตาม

ใน ปี 1919 ได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหนูน้อย Willie วัย 6 ขวบและแชมป์โลกอย่าง Ralph Greenleaf  แม้ Greenleaf จะเป็นผู้ชนะแต่ Willie ก็เล่นได้ดีมากและทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการบิลเลียดอาชีพตั้งแต่บัดนั้น และในปี 1924 Willie ก็ได้เป็นแชมป์ straight pool (พูล 15 ลูก) เยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปี และมีงานเดินสายโชว์เทคนิคการเล่นอย่างสม่ำเสมอ

ใน ช่วงปี 1941-1957  Willie ก็ได้ครองแชมป์ BCA (Billiard Congress of America) World Championship   ถึง15 สมัย เป็นผู้ริเริ่มเทคนิคใหม่ ๆ ในการตีบิลเลียด สร้างสถิติมากมาย และยังช่วยทำให้กีฬาบิลเลียดกลายเป็นที่นิยมอีกด้วย ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นเจ้าของสถิติสูงสุดในการตีลูกได้ติดต่อกัน ถึง 526 ลูกในการแข่งขัน Straight Pool



8. Fabiano Luigi Caruana:  แกรนมาสเตอร์หมากรุกอายุน้อยที่สุด
Fabiano  หนุ่มน้อยสองสัญชาติ (อเมริกัน-อิตาลี) ปัจจุบันอายุ 16 ปี เขาได้เป็นแกรนมาสเตอร์ตั้งแต่ปี 2007 ตอนนั้นเขามีอายุเพีย 14 ปี  11 เดือน  20 วัน  ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในประวัติศาตร์ของอิตาลีและอเมริกา และเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาสมาพันธ์หมากรุกโลก (World Chess Federation (FIDE)) ได้ประกาศว่า Fabiano นั้นมีอันดับโลกอยู่ที่ 2649 ทำให้ เขากลายเป็นนักหมากรุกที่มีอันดับสูงสุดสำหรับรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี



7. Michael Kevin Kearney: รับปริญญาใบแรกเมื่ออายุ 10 ขวบและกลายเป็นเศรษฐีจากการเล่นเรียลลิตี้โชว์
หนุ่ม วัย 24 ผู้นี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่อายุน้อยที่สุดใน โลก และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเมื่ออายุเพียง 17

ในปี 2008 เขาชนะรางวัล 1 ล้านเหรียญสหรัฐจากการเล่นเกมโชว์ที่ชื่อว่า Who Wants to be a Millionaire? นอกจากนี้เขายังทำสถิติโลกไว้อีกหลายอย่าง

Kearney เริ่มพูดคำแรกเมื่ออายุ 4 เดือน เมื่ออายุได้ 6 เดือน เขาบอกกับกุมารแพทย์ของเขาว่า “ผมติดเชื้อที่หูซ้ายฮะ”  อายุ 10 เดือนก็เริ่มเรียนเขียนอ่าน อายุ 4 ขวบได้เข้าร่วมการทดสอบทางคณิตศาสตร์ของสถาบัน Johns Hopkins และได้คะแนนเต็ม เรียนจบไฮสคูลเมื่ออายุ 6 ขวบ และเข้าเรียนที่ Santa Rosa Junior College จนจบปริญญาเมื่ออายุ 10 ขวบ

ในปี 2006 ชื่อเสียงของเขาดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเล่นเกมออนไลน์ Gold Rush จนชนะและได้รางวัล 1 ล้านเหรียญเป็นคนแรก



6. Saul Aaron Kripke: Harvard( มหาวิทยาลัยอันดับ1 ของโลก) เชิญให้ไปสมัครเป็นอาจารย์ขณะที่ยังเรียนไฮสคูล
Kripke เป็นลูกชายของพระแรบไบ เกิดที่นิวยอร์คและโตที่ Omaha  รัฐ Nebraska เริ่มศึกษาพีชคณิตเมื่อตอนอยู่เกรด 4 และพอจบชั้นประถมก็เรียนรู้เรขาคณิตและแคลคิวลัสจนทะลุปรุโปร่ง และเริ่มหันไปให้ความสนใจกับปรัชญา

Kripke เขียนบทความหลายชิ้นทั้งในเรื่องของอรรถศาสตร์ (semantics) และตรรกวิทยาแบบ modal logic ในขณะที่มีอายุเพียง 16 ปี และหนึ่งในผลงานด้านตรรกวิทยานั้นทำให้เขาได้รับจดหมายเชิญจากภาควิชา คณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด เชิญชวนให้เขาไปสมัครเป็นอาจารย์ ซึ่งเขาก็ได้เขียนตอบปฎิเสธไปว่า “แม่ผมบอกว่าให้ผมเรียนให้จบไฮสคูลและมหาวิทยาลัยเสียก่อนดีกว่า” และเมื่อเขาเรียนจบไฮสคูลเขาก็เลือกเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ด

Kripke ได้รับรางวัล Shock Prize ซึ่งเป็นรางวัลทางด้านปรัชญาที่เทียบได้กับรางวัลโนเบล ปัจจุบันเขาได้รับการยกย่องว่า เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่



5.  Aelita  Andre : หนูน้อยที่มีผลงานภาพออกแสดงในแกลลอรี่มีชื่อเสียง ด้วยวัยเพียง 2 ขวบ
ศิลปิน แนว Abstract อายุเพียง 2 ขวบผู้นี้ได้กลายเป็นบุคคลที่ชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเป็นอันมาก เมื่อผลงานของเธอได้ออกแสดงใน Brunswick Street Gallery ใน Melbourne’s Fitzroy

Mark Jamieson  ผู้อำนวยการของแกลลอรี่ดังกล่าวได้เห็นภาพที่ Nikka Kalashnikova นักถ่ายภาพคนหนึ่งที่มีงานแสดงในแกลลอรีนำมาให้ดูและเขาก็ชอบจนตกลงใจที่จะ จัดการแสดงภาพเหล่านั้น จนเมื่อได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์งานในนิตยสารต่าง ๆ แล้ว เขาจึงได้ทราบว่าเจ้าของผลงาน คือลูกสาวของ Kalashnikova นั่นเอง และมีอายุเพียง 22 เดือน แม้ Jamieson รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่ก็ตัดสินใจที่จะแสดงผลงานของหนูน้อยต่อไป



4. Cleopatra  Stratan : นักร้องเด็กอายุเพียง 3 ขวบ มีรายได้ 1,000 ยูโรต่อเพลง (47,000-48,000 บาท)

Clepotra เกิดเมื่อ 6 ตุลาคม  2002 ที่เมืองคีชีเนา ประเทศมอลโดวา เป็นลูกสาวของนักร้องเชื้อสายมอลโดวา-โรมาเนีย เธอเป็นนักร้องอายุน้อยที่สุดที่ประสบความสำเร็จด้วยอัลบั้มในปี 2006 ของเธอที่ชื่อว่า”At the age of 3″ และยังเป็นเจ้าของสถิติศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เปิดการแสดงสดตลอด 2 ชั่วโมงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก  เป็นศิลปินเด็กที่ค่าตัวสูงสุด เป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่จะได้รับรางวัล MTV และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดที่มีเพลงติดชาร์ตอันดับหนึ่งในประเทศโรมา เนีย

http://www.youtube.com/watch?v=GDq-E708lHU  ( ลองเข้าไปฟังเพลงของเธอได้ ตามลิ้งค์ด้านบนเลยค่ะ ^^ )



3.  Akrit  Jaswal : ศัลยแพทย์อายุ 7 ขวบ
Akrit  Jaswal เป็นชาวอินเดีย และได้รับการขนานนามว่า “เด็กผู้ชายที่ฉลาดที่สุดในโลก” เพราะมี IQ ถึง 146 และได้รับการยอมรับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในเด็กที่อายุเท่า ๆ กันในอินเดีย ประเทศที่มีประชากรนับพันล้านคน

Akrit กลายเป็นจุดสนใจของสาธารณะในปี 2000 เมื่อเขาได้ทำการรักษาคนไข้คนแรกที่บ้านของเขาเองเมื่อมีอายุเพียง 7 ขวบ คนไข้เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบ มีฐานะยากจนไม่มีเงินพอที่จะไปหาหมอได้ มือของเธอถูกไฟลวกทำให้นิ้วมือกำแน่นติดกัน  Akrit ในตอนนั้นยังไม่ได้เรียนแพทย์อย่างเป็นทางการและยังไม่มีประสบการณ์ในการผ่า ตัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็สามารถทำให้นิ้วมือของเด็กหญิงคลายออกมาได้และใช้มือได้เป็นปกติอีก ครั้ง  ขณะนี้ Akrit  กำลังเรียนปริญญาตรีวิทยาศาสตร์อยู่ที่ วิทยาลัย Chandigarh และเป็นนักศึกษาที่อายุน้อยที่สุดที่มหาวิทยาลัยอินเดียเคยรับเข้าเรียน



2. Gregory Smith: ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ เมื่ออายุ เพียง 12 ปี
Gregory เกิดในปี 1990 อ่านหนังสือออกตั้งแต่อายุ 2 ขวบ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 10 ขวบ  ความเป็นอัจฉริยะของเขานั้นยังไม่ได้ครึ่งของเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนนี้ เมื่อเขาตัดสินใจออกเดินทางไปทั่วโลกเพื่อรณรงค์เรื่องสันติภาพและสิทธิ เด็ก 
Gregory Smith เป็นผู้ก่อตั้ง International Youth Advocates ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนหลักการแห่งสันติภาพและความเข้าอกเข้าใจใน ระหว่างเยาวชนทั่วโลก เขาเคยได้พบกับผู้นำคนสำคัญอย่าง Bill Clinton และ Mikhail  Gorbachev และยังเคยปฐกถาต่อหน้าที่ประชุม UN อีกด้วย

จาก การทำงานด้านมนุษยธรรมนี้ ทำให้เขาได้ถูกเสนอชื่อให้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 4 ครั้ง แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดที่เขาเพิ่งได้รับคือ…มีใบขับขี่เป็นของตัวเองได้ ซะทีนั่นเอง



1. Kim Ung-Yong: เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก
Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210

คิม อ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี  เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน  สเปน เวียดนาม ตากาลอก  เยอรมัน อังกฤษ  ญี่ปุ่น และเกาหลี

คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน



ขอบคุณข้อมูลจาก : Toptenthailand

รวบรวมสิบอันดับสุดยอด Social Media ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2010

รวบรวมสิบอันดับสุดยอด Social Media ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2010
  1. Facebook (Social Network)
  2. Youtube (Video Sharing)
  3. Hi5 (Social Network)
  4. Blogger (Blog)
  5. Wikipedia (Wiki)
  6. 4shared (File Sharing)
  7. mediafire (File Sharing)
  8. exteen (Blog)
  9. bloggang (Blog)
  10. multiply (Blog & Photo Sharing)
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่าคนไทยนิยมใช้ Social Network, Video Sharing, Blog, Wiki และ File Sharing เป็นส่วนใหญ่

โดยมีผู้ให้บริการ blog สัญชาติไทยอย่าง exteen และ bloggang สอดแทรกติด top 10 ได้ด้วย ต้องขอปรบมือให้ และถ้าใครแอบสงสัยว่า
twitter อยู่อันดับเท่าไหร่ ขอแอบกระซิบเบา ๆ ว่า twitter ตามมาอยู่ที่อันดับ 11 เลยทำให้ตกชาร์ต top 10 ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ต้องจับตามองให้ใกล้ชิดเช่นเดียวกัน